
เรื่องเล่าBlack companyในญี่ปุ่น
เพื่อนๆคงเคยได้ยินคำว่า Black company (ブラック企業 burakku kigyō) ในญี่ปุ่นกันมาบ้างใช่ไหมคะ Black compannyก็คือ บริษัทที่ใช้งานพนักงานมหาโหด
ซึ่ง งานสายครีเอทีพอย่างเช่น สิ่งตีพิมพ์(นิตยสาร) อนิเม เกมส์ รายการทีวี ในญี่ปุ่นนั้น Black companny ก็ค่อนข้างเยอะ จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติของคนในวงการไปแล้ว
เกริ่นมาก็ยาวแต่วันนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึงประเด็นนี้(อ้าวซะงั้น)
เรื่องเวลาทำงานยาวนานหรืองานโหด อันนั้นเป็นเรื่องหลังจากที่เข้าไปทำงานแล้วจะเจอ แต่คราวนี้เราจะมาพูดเรื่อง ความBlackของบริษัทในช่วงก่อนที่จะบรรจุเราเป็นพนักงานค่ะ
พอดีไม่กี่วันมานี้ได้ยินเรื่องราวอันแสนโหดร้ายของรุ่นน้องมา
น้องมีความฝัน ความหวัง ที่จะมาทำงาน สายครีเอทีพ เป็นส่วนหนึ่งในผลงานที่น้องรัก น้องเดินทางมาที่ญี่ปุ่นญี่ปุ่น เรียนเซมมง(สายอาชีพ)เพื่อตามความฝันของตัวเอง แต่แล้วชีวิตของน้องก็ต้องมา สะดุด และสิ้นหวัง เพราะบริษัท แย่ๆ บริษัทนึง โดยที่น้องไม่สามารถจะทำอะไรได้
เราฟังแล้วรู้สึกว่ามันแย่มากๆ และก็ไม่อยากให้ใครมาเจออะไรแบบนี้อีก เลยตัดสินใจเขียนบทความนี้ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า น้องได้เข้าฝึกงานสายครีเอทีพที่บริษัทแห่งนึงในญี่ปุ่น ฝึกงานมาเกือบครึ่งปี ทางบริษัทให้ความหวัง ว่าจะรับเข้าทำงาน น้องเองก็ติดต่อสอบถามทางบริษัทเรื่องวีซ่าทำงานมาตลอดทางบริษัทก็บอกว่า ให้รอใกล้ๆวีซ่าหมดก่อน และสุดท้าย “ทางบริษัทก็มาบอกน้อง ก่อนวีซ่าน้องจะหมดสองวัน ว่าไม่ผ่านโปรไม่รับเข้าทำงาน ให้กลับไทยไปซะ” สรุปน้องก็ต้องจัดการคืนห้องเก็บของกลับไทยภายในสองวัน
สำหรับคนต่างชาติที่อยากจะอยู่ที่ญี่ปุ่นต่อ หรือทำงานที่ญี่ปุ่นนั้น วีซ่า เป็นอะไรที่สำคัญมากๆการกระทำแบบนี้ เท่ากับบริษัทฆ่ากันทั้งเป็นเลย และทางบริษัทเองก็มีพนักงานคนต่างชาติอยู่ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ค่ะ ว่าทางบริษัทจะไม่ทราบถึงความสำคัญของวีซ่า ถ้าคิดในแง่ร้ายก็คือ ใช้งานฟรีจนหยดสุดท้ายแล้วเขี่ยทิ้ง
เรื่องนี้ ถ้าถามว่าบริษัทผิดในแง่กฏหมายไหม ก็คิดว่าไม่ เพราะทางบริษัทเค้าก็มีเกณฑ์ ในการประเมินผล การทำงานพนักงานของเค้าว่าจะรับหรือไม่รับ และการรับพนักงานคนต่างชาติ ทางบริษัทก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย และต้องออกเอกสารวุ่นวายมากกว่าจ้างพนักงานคนญี่ปุ่น
แต่การที่ มาบอกเค้าก่อนวีซ่าหมดสองวันนี่เป็นการกระทำที่อำมหิต ถ้าไม่คิดจะรับ ก็ควรบอกล่วงหน้า หนึ่งถึงสองเดือน พนักงานจะได้ ไปหางานใหม่ หรือเปลี่ยนประเภทวีซ่าและที่สำคัญ ช่วงฝึกงาน น้องทำงานวันละ 13 ชัวโมง อาทิตย์ล่ะ 6 โดยที่ไม่ได้รับค่าจ้าง เพราะเค้าถือว่าฝึกงาน………….
และเรื่องนี้รุ่นน้องเองก็มีส่วนพลาดที่ชะล่าใจและไว้ใจทางบริษัทเกินไป
สำหรับการหางานในญี่ปุ่น ต่อให้บริษัทจะพูดปากเปล่าว่าจะรับเราแล้ว
ก็วางใจไม่ได้จนกว่าเราจะได้สัญญาจ้างงาน และต่อให้เราได้สัญญาจ้างงาน เราก็ยัง โล่งใจไม่ได้ จนกว่า วีซ่าทำงานจะมาอยู่ในมือเราค่ะ ในอดีตเราก็เคยเจอบริษัทที่ตกลงรับเราเข้าทำงาน แต่พอเราถามเรื่องวีซ่า ทางบริษัทก็เทเรากลางอากาศ
จากเหตุการณ์นี้และจากประสบการณ์ที่เราเจอมา เราขอสรุบเป็นข้อๆ
ให้น้องๆเพื่อนๆ ที่กำลัง หรือกำลังจะหางานในญี่ปุ่นอยู่ไว้ดังนี้ค่ะ
1 การฝึกงาน 研修期間⁽Kenshū kikan)ไม่ควรเกิน 3 เดือนค่ะ อย่าเชื่อกับคำพูดของบริษัทว่าให้ ทำต่อ แล้วเดี้ยวจะรับเข้าทำงาน เพราะเราไม่มีหลักประกันว่าเค้าจะรับจริง บริษัทที่ดีที่เป็นห่วงอนาคตเด็กๆ ครบ 3 เดือน ถ้าเค้าดูแล้วเด็กไม่ไหว เค้าจะรีบตัดทิ้งค่ะ เพราะเค้าไม่อยากให้เด็กเสียเวลานาน
2 การได้ฝึกงานก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะได้เข้าทำงานที่บริษัทนั้นนะคะ ควรหางานที่อื่นเพื่อไว้ด้วย บริษัทที่แย่ๆ บางทีก็เปิดรับเด็กฝึกงานมาทำงานเยอะๆ เพราะไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง แต่ก็ได้งานไปใช้ เด็กๆก็ดีใจว่างานตัวเองได้ใช้………… แต่ที่ๆจ่ายค่าจ้างให้เด็กฝึกงานก็มี
Edit เพิ่มเติม
ช่วงเวลาฝึกงาน(研修)ในแง่กฏหมาย ถ้าเป็น 労働時間中(Rōdō jikan-chū)คือ ฝึกงานแบบมีคนสั่งงาน เราต้องทำตามคำสั่ง ทำงานส่งอะไรแบบนี้ ทางบริษัทต้องจ่ายค่าจ้าง
แต่ถ้าเป็น 労働時間外(Rōdō jikangai) ไม่มีคนสั่งงาน เราไม่ต้องทำตามคำสั่งบริษัท เราฝึกสกิลเราอย่างเดียว บริษัทไม่ต้องจ่ายก็ไม่ผิดกฏหมายค่ะ
ปัญหาคือ ไอ้ที่เราทำเป็น 労働時間中 หรือ 労働時間外 มันพูดยาก
และถ้าบริษัทที่ black เค้าก็จะมีวิธีที่เลี่ยงๆทำให้มันไม่ผิดกฏหมาย
3 ถ้าบริษัทตั้งใจจะรับเราทำงานจริงๆ เค้าจะจ้างเราและมีระยะทดลองงานเรียกว่า 試用期間(Shiyō kikan) ซึ่งก็จะมีระยะเวลา 3 เดือนบาง 6 เดือนบางแล้วแต่ที่ ซึ่งระยะทดลองงานนี้ทางบริษัทก็จ่ายเงินเดือนให้แล้วค่ะ แต่เงินเดือนอาจจะน้อยกว่าหลังบรรจุได้เป็นพนักงาน ซึ่งส่วนมากทางบริษัทจะออกเอกสารเพื่อทำวีซ่าให้ แต่บางบริษัทก็รอให้ผ่านช่วงนี้ก่อนถึงจะเดินเรื่องวีซ่า
Edit เพิ่มเติม
ข้อแตกต่างของ 研修期間⁽Kenshū kikan) กับ 試用期間(Shiyō kikan)
研修期間 คือช่วงฝึกงาน เรียนรู้สกิลในการทำงาน
試用期間 คือเค้ารับเราเข้าทำงานแล้ว เป็นช่วงทดลองงาน ว่าจะผ่านโปร หรือไม่ผ่านโปรค่ะ(ส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้ทำอะไรแปลกๆหรือก่อเรื่องอะไรก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร)
4 อย่าโล่งใจจนกว่าจะได้วีซ่าหางานมาในมือ เพราะบางบริษัทก็ออกวีซ่าทำงานให้เราไม่ได้ มีหลายบริษัทที่ไม่เคยรับพนักงานต่างชาติ
และไม่เข้าใจเรื่องการทำวีซ่า ถ้าบริษัทอยากจะรับเราจริงๆ เค้าจะพยายามหาข้อมูล จ้างทนายมาจัดการให้เรา
5 ดูระยะวีซ่าของเราที่เหลือด้วย เรียนจบแล้ว ควรเปลี่ยนเป็นวีซ่าหางาน
Edit เพิ่ม
วีซ่าหางานคือ วีซ่า 特定活動(Tokutei katsudō สำหรับนักเรียนที่เรียนจบมหาลัย หรือเซมมงที่ญี่ปุ่น(แต่โรงเรียนภาษารู้สึกว่าจะไม่ได้ค่ะ) ระยะเวลา ครึ่งปี พอหมดแล้ว ขอต่อได้อีกครึ่งปี
ข้อมูลวีซ่าค่ะ http://www.jpss.jp/ja/life/job/10/
เอกสารที่ต้องใช้http://www.jpss.jp/ja/life/job/11/
6 บริษัทที่ญี่ปุ่นและทุกสายงานมีทั้งดีและแย่ สายงานครีเอทีพ ที่เข้าออกงานตรงเวลา ได้หยุดทุกวันหยุดก็มี และแน่นอน บริษัทที่ใช้งานโหดเยี่ยงทาสก็มี หาข้อมูลให้มากๆก่อนเข้าสมัครงาน หรือเข้าทำงาน
พิมพ์คีย์เวิร์ด ชื่อบริษัทและต่อด้วย口コミ แล้วอ่านข้อมูลดู
สุดท้ายนี้ หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้ เพื่อนๆ ที่กำลังหางานอยู่ ขอให้ได้งานที่ชอบ
และอยู่ในบริษัทที่ดีค่ะ
#ทำงานที่ญี่ปุ่น#เรื่อยเปื่อยในญี่ปุ่น#สมัครงานที่ญี่ปุ่น#ด้านมืดญี่ปุ่น
Average Rating